วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

12 ที่เที่ยวมุกดาหาร จังหวัดประตูหน้าด่านสู่อินโดจีน

1. วัดพระศรีมหาโพธิ์

ที่เที่ยวมุกดาหาร
ภาพจาก ททท.

          วัดพระศรีมหาโพธิ์ เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองมานานนับ 100 ปี ตั้งอยู่กลางใจเมือง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงตั้งอยู่ที่บ้านหว้านใหญ่ อำเภอหว้านใหญ่ ภายในวัดจะมีโบราณสถานคือสิมอีสาน (โบสถ์) ที่เก่าแก่ สร้างเมื่อ พ.ศ. 2459 ศิลปะผสมตะวันตก ไทย เวียดนาม ฝรั่งเศส เป็นสิมที่ผนัง 3 ด้าน ภายในผนังจะมีธูปแต้มหรือจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดกที่เป็นฝีมือของช่างพื้นบ้าน ซึ่งนับว่าเป็นภาพที่งดงามและหาดูได้ยากในปัจจุบัน นอกจากนี้ภายในวัดยังมีกุฏิเก่าแก่ซึ่งปัจจุบันทำเป็นห้องสมุดประชาชน สร้างโดยช่างชาวเวียดนาม เป็นสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศส มีซุ้มประตูและหน้าต่างเป็นรูปโค้ง สวยงามแปลกตา

2. วัดศรีมงคลใต้

          วัดศรีมงคลใต้ ตั้งอยู่บริเวณถนนสำราญชายโขง ริมแม่น้ำโขงในตัวเมืองมุกดาหาร เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างสมัยกรุงธนบุรี ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน "พระเจ้าองค์หลวง" พระพุทธรูปก่ออิฐถือปูน เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ประชาชนชาวไทยและลาวเลื่อมใสศรัทธามาหลายชั่วอายุคน สร้างขึ้นก่อนตั้งเมืองมุกดาหาร แต่ไม่ปรากฏว่าสร้างในสมัยใด มีขนาดหน้าตักกว้าง 2.20 เมตร ส่วนสูงเฉพาะองค์ถึงยอดพระเมาลี 2 เมตร

3. ศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมือง

ที่เที่ยวมุกดาหาร
ภาพจาก ททท.

          ตั้งอยู่บนถนนสองนางสถิตย์ ในเขตเทศบาลเมืองมุกดาหาร ในบริเวณศาลมีหลักเมืองประดิษฐานอยู่ด้วย ศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองนี้ไม่มีผู้ใดทราบความเป็นมาว่าสร้างในสมัยใด สันนิษฐานว่าคงจะสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมืองมุกดาหาร แต่เดิมเป็นเพียงศาลไม้ต่อมาได้มีการบูรณะก่อสร้างเป็นศาลคอนกรีต ชาวเมืองมุกดาหารถือว่าศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ปกปักรักษาเมืองมุกดาหารให้ร่มเย็นเป็นสุข ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ชาวเมืองมุกดาหารจะมีพิธีบวงสรวงเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองพร้อมกับเจ้าแม่สองนางพี่น้องพร้อมกันเพื่อความเป็นสิริมงคล

4. ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง


ที่เที่ยวมุกดาหาร
ภาพจาก ททท.

          ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง ตั้งอยู่บนถนนสำราญชายโขง ริมแม่น้ำโขง เยื้องไปทางทิศเหนือของวัดศรีมงคลใต้ ติดกับด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดมุกดาหาร ศาลแห่งนี้เดิมเป็นศาลไม้ต่อมาได้มีการบูรณะเรื่อยมาจนเป็นคอนกรีตดังปัจจุบัน

          ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องนี้มีเรื่องเล่าขานกันมานานว่าราวปี พ.ศ. 1896 เจ้าฟ้างุ้ม แห่งเมืองล้านช้าง เป็นบุตรเขยกษัตริย์เมืองอินทะปัด ได้พาลูกหลานอพยพตามลำน้ำโขงผ่านเมืองหนองคาย เมืองนครพนม จนถึงเขตเมืองมุกดาหาร แล้วเกิดเรือล่มที่บริเวณปากห้วยมุกทำให้ธิดาสาวทั้งสองคนซึ่งมีพระนามว่า พระนางพิมพา กับ พระนางลมพามา สิ้นชีพิตักษัย จนกระทั่งปี พ.ศ. 2313 เจ้ากินรีได้มาสร้างเมืองมุกดาหารพร้อมกับได้สร้างโบสถ์วัดศรีมงคลใต้ขึ้น และในขณะก่อสร้างได้พบพระเมาลีพระพุทธรูปเหล็กจมอยู่ใต้พื้นดิน (บริเวณศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องในปัจจุบัน) จึงขุดไปประดิษฐาน ณ โบสถ์วัดศรีมงคลใต้ แต่พอรุ่งขึ้นพระพุทธรูปเหล็กองค์นั้นก็กลับมาประดิษฐานอยู่ที่เดิมที่พบในครั้งแรกอีก ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า "พระหลุบเหล็ก"

          ประกอบกับบริเวณดังกล่าว ทุกวันขึ้น 11 ค่ำ เดือน 6 จะมีเสียงร่ำไห้ของผู้หญิงสองคน ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเสียงของพระนางพิมพากับพระนางลมพามา และได้แสดงอภินิหารให้ปรากฏอยู่เนือง ๆ เจ้ากินรี เจ้าเมืองมุกดาหารได้สืบทราบประวัติแห่งความเป็นมาจึงตั้งศาลขึ้น ณ ที่แห่งนั้น เพื่อให้วิญญาณได้สิงสถิต เมื่อ พ.ศ. 2315 และได้ขนานนามว่า "ศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้อง" อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวเมืองมุกดาหารโดยทั่วกัน โดยถือเอาเดือนพฤษภาคมของทุกปีเป็นเดือนที่ทำพิธีเซ่นไหว้และบวงสรวงศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องตั้งแต่นั้นมาจนถึงทุกวันนี้ 

          ทั้งนี้ชาวจังหวัดมุกดาหารถือว่าศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ คู่กับศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมือง ผู้ใดที่เคารพสักการะศาลเจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมืองแล้ว จะเลยไปเคารพสักการะศาลเจ้าแม่สองนางพี่น้องด้วยเสมอ และในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี ชาวจังหวัดมุกดาหารจะจัดให้มีพิธีบวงสรวง เจ้าพ่อเจ้าฟ้ามุงเมือง และเจ้าแม่สองนางพี่น้องพร้อมกัน

5. สักการสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี วัดสองคอน

ที่เที่ยวมุกดาหาร
ภาพจาก ททท.
          ตั้งอยู่ที่ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ เป็นโบสถ์คริสต์สร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ ที่มีความสวยงามและใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีงานบุญราศีวัดสองคอน จัดขึ้นเพื่อเทิดพระเกียรติบุญราศี มรณสักขีทั้ง 7 ท่าน ที่ได้พลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า เมื่อครั้งเกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 (ดูเพิ่มเติมได้ที่ thai.tourismthailand.org)

          ปัจจุบันวัดสองคอนกำลังเป็นแหล่งศาสนาคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังมีชื่อเสียงในเรื่องความงดงามแปลกตาของตัวอาคาร คือเป็นโบสถ์คริสต์สร้างแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ใหญ่และสวยที่สุดในอุษาคเนย์ เคยได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่นจากสมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี พ.ศ. 2539 โบสถ์แห่งนี้ได้ออกแบบโดย ดร.อัชชพล ดุสิตนานนท์ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็กโถงสี่เหลี่ยมชั้นเดียว ผนังของวัดและส่วนไว้พระธาตุเป็นกระจกใส บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนประกอบพิธี มีพื้นที่กว้างขวาง ส่วนด้านหลังเป็นที่เก็บอัฐิของบุญราศีทั้ง 7 ภายในมีโลงแก้วบรรจุหุ่นขี้ผึ้งของบุญราศีทั้ง 7 ไว้ให้สักการบูชา มีไม้กางเขน 7 แห่ง ด้านหน้าแทนบุญราศีทั้ง 7 ที่อุทิศชีวิตในป่าศักดิ์สิทธิ์เพื่อพิสูจน์ศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า ทุก ๆ ปี ในวันที่ 22 ตุลาคม คณะกรรมการบุญราศรีจะมีพิธีเฉลิมฉลองรำลึกถึงการสถาปนาแต่งตั้ง "บุญราศีมรณสักขี" และในวันที่ 16 ธันวาคมของทุกปีจะมีพิธีรำลึกบุญราศีสองคอน

          วัดสองคอนมีบริเวณกว้างขวางและมีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและสักการะทุกวันระหว่างเวลา 08.00-18.00 น. คริสตชนสามารถร่วมพิธีบูชามิสซาได้ในวันอาทิตย์ เวลา 07.00 น. (ข้อแนะนำ : สักการสถานพระมารดาแห่งมรณะสักขี เปิดให้นักท่องเที่ยวทั่วไปเข้าชมและสักการะได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. และ 13.00-17.00 น.)

6. น้ำตกตาดโตน


          ตั้งอยู่ที่บ้านโนนยาง อำเภอหนองสูง เป็นน้ำตกแห่งเดียวและเป็นน้ำตกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของจังหวัด มีลักษณะเป็นน้ำตกชั้นเดียว มีน้ำไหลตลอดทั้งปี มีแนวราบยาวสวยงาม ความสูงน้ำตกประมาณ 7 เมตร กว้าง 30 เมตร มีแอ่งน้ำสำหรับเล่นน้ำได้ท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่น สวยงาม ในช่วงปลายฤดูฝนถึงฤดูร้อนน้ำจะใสไหลเย็นยิ่งชวนให้น่าลงเล่นน้ำเป็นอย่างมาก

7. ภูหมู

          ภูหมูเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามยิ่งอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดมุกดาหาร เป็นจุดชมทิวทัศน์ที่สำคัญและสวยงามแห่งหนึ่งของอำเภอนิคมคำสร้อย มองเห็นทุ่งนา ไร่สวนของชาวบ้านไกลสุดลูกตา โดยในช่วงฤดูหนาวลมจะพัดแรงและหนาวมาก ภูหมูมีความสูง 353 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล มีพื้นที่ราบบนยอดเขาประมาณ 4 ตารางกิโลเมตร หรือ 2,500 ไร่ เมื่อสมัยก่อนบริเวณนี้มีหมูป่าชุกชุมมาก บนยอดเขามีจุดชมวิวซึ่งเป็นหน้าผา 3 จุด

          ● จุดชมวิวที่ 1 อยู่ด้านตะวันออกของที่ทำการ สามารถมองเห็นภูถ้ำเม่น ภูไม้ซาง ภูแผงม้า และอ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็กได้อย่างชัดเจน

          ● จุดชมวิวที่ 2 อยู่ด้านทิศตะวันตก สามารถมองเห็นถนนทางขึ้นภูหมู ภูน้อย ภูติ้ว ภูโล้น ภูกะล่อน วัดภูด่านแต้ และเทือกเขาภูพานสลับซับซ้อน

          ● จุดชมวิวที่ 3 อยู่บริเวณยอดเขาด้านทิศใต้ สามารถมองเห็นภูถ้ำพระและอำเภอเลิงนกทา ในบริเวณนี้ยังมีร่มไม้ใหญ่และลานหินซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างยิ่ง

          โดยสามารถพักค้างแรมในบ้านพักหรือเต็นท์ตามที่อุทยานจัดไว้ การเดินทางนักท่องเที่ยวจะต้องอาศัยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก หากต้องการคำแนะนำในการเดินทางไปยังภูหมูสอบถามรายละเอียดได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว โทรศัพท์ 0 4261 9076 หรือกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2562 0760 ตลอดวันและเวลาทำการ

8. ตลาดอินโดจีน

ที่เที่ยวมุกดาหาร
ภาพจาก netsuthep / shutterstock.com
          ตลาดอินโดจีน ตั้งอยู่บริเวณถนนสำราญชายโขงในตัวเมืองมุกดาหาร หน้าวัดศรีมงคลใต้ เป็นแหล่งรวมสินค้านำเข้าจากนานาประเทศ เช่น รัสเซีย จีน เวียดนาม และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว จำหน่ายทั้งราคาส่งและปลีก ส่วนมากจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เซรามิก เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องอุปโภคและบริโภคต่าง ๆ นอกจากสินค้าที่นำเข้ามา จำหน่ายจากต่างประเทศแล้วยังมีสินค้าพื้นเมืองของชาวมุกดาหารมาจำหน่ายอีกด้วย เช่น ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ และสินค้าท้องถิ่นอื่น

9. อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ

ที่เที่ยวมุกดาหาร

          เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 59 ของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองมุกดาหารและอำเภอดอนตาล ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาหินทรายประกอบด้วยเทือกเขาน้อยใหญ่หลายลูกติดต่อกันแบบลูกคลื่นและเป็นส่วนปลายสุดของเทือกเขาภูพาน เทือกเขาเหล่านี้วางตัวในลักษณะแนวเหนือ-ใต้ขนาน และห่างจากชายฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 4 กิโลเมตร

          ภายในอุทยานภูผาเทิบประกอบด้วยภูหมากยาง ภูมโน ภูโปร่ง ภูรัง ภูจอมนาง ภูหมากมี่ ภูผาเทิบ ภูนางหงส์ ภูถ้ำพระ ภูหลักเส และยอดเขาสูงสุดคือยอดภูจอมศรี มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 170-420 เมตร สภาพป่าส่วนใหญ่เป็นป่าไม้เต็งรังและป่าเบญจพรรณ และยังเป็นแหล่งกำเนิดของลำห้วยหลายสาย แถบบริเวณเชิงเขาเป็นป่าไผ่ขึ้นสลับเป็นแนว หลายบริเวณเป็นหน้าผาสูง และลานหินกว้าง มีหินรูปร่างแปลก ๆ มากมาย

          สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจของอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ เช่น กลุ่มหินเทิบ การเกิดกลุ่มหินเทิบจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นที่มาของประติมากรรมธรรมชาติที่ล้วนเกิดจากการกัดเซาะของฝน น้ำ ลมและแสงแดด ผ่านกาลเวลามาถึง 120-95 ล้านปี ทำให้กลุ่มหินเหล่านี้มีสภาพแตกต่างกันไปดูคล้ายรูปเครื่องบินไอพ่น จานบิน เก๋งจีน มงกุฎ หัวจระเข้ และหอยสังข์

          ลานมุจลินท์ เป็นลานหินเรียบทอดยาวกว้างไกลต่อจากกลุ่มหินเทิบ โดยมีป่าเต็งรังแคระล้อมรอบให้ความงดงามกลมกลืนกับธรรมชาติอีกรูปแบบหนึ่ง มีพันธุ์ไม้พุ่มจำพวกข่อยหิน นางฟ้าจำแลง อ้นเหลือง และกระโดนดานเป็นส่วนประกอบ จุดเด่นของที่นี่ที่ไม่ควรมองข้ามคือกลุ่มดอกหญ้าของสังคมพืชขนาดเล็ก เช่น สร้อยสุวรรณา หยาดน้ำค้าง หนาวเดือนห้า ดาวรวมดวงและดุสิตา ซึ่งจะออกดอกบานสะพรั่งในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคมของทุกปี ณ กลางลานแห่งนี้ยังสามารถมองเห็นทัศนียภาพแม่น้ำโขงได้ด้วย

          นอกจากนี้อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายจุด ไม่ว่าจะเป็นภูถ้ำพระ, น้ำตกภูถ้ำพระ, ผามะนาว, ถ้ำฝ่ามือแดง, ผางอย และผาปู่เจ้า ฯลฯ

10. แก่งกะเบา

ที่เที่ยวมุกดาหาร
ภาพจาก ททท.

          แก่งกะเบา ตั้งอยู่ในเขตบ้านนาแกน้อย ตำบลป่งขาม อำเภอหว้านใหญ่ เป็นแก่งหินยาวเหยียดตามลำน้ำโขง บนฝั่งก็ยังมีลานหินกว้างใหญ่เป็นที่พักผ่อนได้อย่างดี ในฤดูแล้งน้ำลดจนเห็นเกาะแก่งกลางน้ำและหาดทรายสวยกว่าฤดูอื่น ๆ ซึ่งภายในแก่งกะเบามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร บริเวณแก่งมีบริการห่วงยางให้เช่า ให้กับผู้ที่ต้องการลงเล่นน้ำก็มีบริการ ในช่วงเวลากลางวันนั้นอากาศร้อนเพราะว่าในแก่งไม่มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา ควรเอาร่มหรือหมวกกันแดดไปด้วย

11. ห้าแยกชุมชนเวียดนาม

          ตั้งอยู่ในตัวเมืองมุกดาหาร เป็นที่ตั้งชุมชนชาวเวียดนาม และเป็นตลาดอาหารเช้าที่ขึ้นชื่อของมุกดาหาร หากนักท่องเที่ยวมีโอกาสมามาเยือนห้าแยกเวียดนามในยามเช้าตรู่จะได้ลิ้มรสอาหารพื้นเมือง อาทิ ข้าวเปียก กวยจั๊บญวน ข้ามต้ม เลือดแปลง หมูยอ ไส้หมูลวกจิ้ม และอื่น ๆ นอกจากจะได้ลิ้มลองอาหารเวียดนามแท้ ๆ แล้ว หากมีโอกาสมาเยือนห้าแยกเวียดนามยังจะได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตของชุมชนเวียดนามดั้งเดิมที่อพยพมาอาศัยบริเวณตัวเมืองจังหวัดมุกดาหาร ในช่วงยุคอพยพย้ายถิ่นฐานและอยู่อาศัยมาจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้

12. หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม

          หมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมตั้งอยู่ที่บ้านภู หรือชุมชนบ้านภู เป็นชนเผ่าผู้ไทย ที่อพยพจากฝั่งซ้ายแม่น้ำโขง เมื่อ พ.ศ. 2387 ตั้งภูมิลำเนาในพื้นที่บ้านภูรวมอายุได้ 130 ปี ผู้นำหมู่บ้านคนแรกได้แก่ เจ้าสุโพสมบัติ ที่นี่มีวัฒนธรรมและประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นภาษาและดนตรีประเพณีต่าง ๆ อีกทั้งยังใช้วิถีชีวิตแบบพอเพียง นิยมปลูกพืชผักสวนครัวหลังฤดูเก็บเกี่ยวและตามหลังบ้าน นิยมการแต่งกายให้เป็นอัตลักษณ์ของชุมชน คือผู้หญิงนุ่งซิ่นทิว ใส่เสื้อเย็บมือย้อมคราม แถบชายขอบแดง ห่มผ้าสไบพาดไหล่ซ้าย คนในชุมชนพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน เด็กเคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่

10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม

10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-พระธาตุนาดูน
ขอบคุณ ภาพจาก http://thai.tourismthailand.org/
พระธาตุนาดูน นับว่าเป็นโบราณสถานที่สำคัญของประเทศไทยอีกเเห่ง ตั้งอยู่ที่อำเภอนาดูน โดยมีอายุมากกว่า 1,300 ปีมาเเล้ว เเละใช้เป็นสถูปที่บรรจุพระสารีริกธาตุ โดยสถูปเเห่งนี้เป็นทองสำริด ในเเบบคล้ายระฆัง โดยมียอดเป็นลักษณะของปล้องไฉน จำนวน 2 ปล้อง โดยที่ส่วนบนสุดนั้นจะมีลักษณะเป็นปลียอดกลม โดยมีจำนวนชั้นถึง 16 ชั้นด้วยกัน โดยมีเสาทั้งหมด 16 ต้นจนถึงชั้นที่ 5 โดยพระสารีริกธาตุจะถูกบรรจุอยู่ในชั้นที่ 8 ขององค์พระธาตุ ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองจังหวัดมหาสารคามอย่างยิ่ง เเละมีนักท่องเที่ยวให้ความนิยมมาเที่ยวชมความเก่าเเก่เเละสวยงามของพระธาตุเเห่งนี้กันมาจนจัดให้เป็นสถานที่เที่ยวจังหวัดมหาสารคามที่ห้ามพลาดอย่างยิ่ง โดยหารเดินทางมายังพระธาตุเเห่งนี้นั้นจากตัวเมืองมหาสารคมให้คุณใช้เส้นทางมายังอำเภอนาดูน โดยผ่านอำเภอแกดำเเละ อำเภอวาปีปทุม จากนั้นก็เลี้ยวขวาเข้ามาทางอำเภอนาดูน ระยะทางทั้งหมดประมาณ 65 กิโลเมตรจากตัวอำเภอเมืองมหาสารคาม
10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-บึงบอน
ขอบคุณ ภาพจาก https://www.facebook.com/pages/บึงบอน-อโกสุมพิสัย-จมหาสารคาม
บึงบอน นั้นตั้งอยู่ที่ อำเภอโกสุมพิสัย นับว่าเป็นสถานที่พักผ่อนยอดฮิตของชาวมหาสารคามอย่างยิ่ง เพราะจากความเป็นบึงขนาดใหญ่ที่มีเนื้อที่กว่า 120 ไร่ ก็ทำให้ที่นี่มีทัศนียภาพที่สวยงามเเละน่ามาเที่ยวพักผ่อนหย่อยใจอย่างมากเลยทีเดียว เพราะรอบบึงเเห่งนี้นั้นจะมีทางเดินยาวรอบบึงที่มีความยาวถึงเกือบ 3 กิโลเมตร โดยมีหน้ากว้าถึง 5 เมตร สามารถใช้เดินเล่นออกกำลังกายชิลๆ หรือจะลองปั่นจักรยานก็สามารถทำได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งในที่เที่ยวจังหวัดมหาสารคามที่น่ามาเที่ยวชม โดยมันตั้งอยู่ห่างจากตังอำเภอเมืองมหาสารคามเพียง 28 กิโลเมตรเท่านั้น โดยใช้เส้นทางมายังอำเภอโกสุมพิสัย ขับมาเรื่อยๆ ไม่ถึงชั่วโมงก็จะมาถึงสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามเเห่งนี้เเล้ว
10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน
ขอบคุณ ภาพจาก https://rinac.msu.ac.th
สถาบันวิจัยศิลปะและวัฒนธรรมอีสาน นั้นตั้งอยู่ในเขตของมหาวิทยาลัยมหาสารคาม โดยจะเป็นสถานที่สำหรับจัดเเสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับศิลปะและวัฒนธรรมของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีการจัดเเสดงข้าวของเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เเละที่เกี่ยวข้องกับงานประเพณีต่างๆ ไว้เป็นจำนวนมาก พร้อมกับเป็นสถานที่่ที่เเสดงเรื่องราวของผ้าทอที่มีชื่อเสียงอย่างมาก เเละมีการประยุกต์มาเป็นผลิตภัณฑ์ผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง นอกจากนี้เเล้วก็มีบรรดางานฝีมือต่างๆ ที่จัดเเสดงไว้ ไม่ว่าจะเป็น งานหล่อโลหะ, งานไม้, เครื่องจักสานต่างๆ รวมไปถึงนิทรรศการเกี่ยวกับการพัฒนาของเครื่องเคลือบดินเผา ที่เป็นเครื่องใช้ในครัวเรือน เเละบรรดาอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับจับสัตว์ต่างๆ รวมไปถึงเครื่องดนตรีพื้นบ้านที่มีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เเละที่สำคัญคือมีการจัดเเสดงวรรณกรรมจารึกภาษาโบราณ ที่หาชมได้ยากอีกด้วย โดยที่นี่จะเปิดให้เข้าชมทุกวันในวันเวลาราชการ เเละวันเสาร์เป็นเวลาครึ่งวัน นับว่าเป็นสถานที่เที่ยวจังหวัดมหาสารคามที่น่าสนใจมาเที่ยวชมอีกเเห่ง
10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย
ขอบคุณ ภาพจาก http://i-san.tourismthailand.org/
อุทยานมัจฉาโขงกุดหวาย ตั้งอยู่ในเขตอำเภอมหาสารคาม นับว่าเป็นเเหล่งท่องเที่ยวที่มีความน่าสนใจตรงที่มันเป็นเเหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในรูปเเบบกลิ่นอายสไตล์ชนบทที่จะทำให้คุณได้เห็นถึงความสวยงามของพันธุ์ปลาต่างๆ โดยเเต่เดิมนั้นที่นี่เป็นเเหล่งน้ำปกติ จนเกิดมีฝูงปลาหลายร้อยชนิดที่มาจากเเม่น้ำชีได้ไหลทะลักเข้ามาอาศัยอยู่เเละเเพร่พันธุ์ โดยส่วนใหญ่เเล้วจะเป็นปลาเผาะที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในเเม่น้ำโขง จึงได้ทำการอนุรักษ์เอาไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาชมผลาพันธุ์หายาก เเละในบริเวณนี้ยังมีสัตว์ที่น่าสนใจอีกหลายพันธุ์เเสดงไว้ทั้ง สุนัขจิ้งจอก,จระเข้, เยี่ยว,ลิง, กระต่าย,นก และหนูตะเพา พร้อมกับมีพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านอีสาน ที่มีเรื่องราวจัดเเสดงที่น่าสนใจอีกด้วย โดยหากใครมาเที่ยวจังหวัดมหาสารคามเเล้วต้องไม่พลาดมาเที่ยวชมดูซักครั้ง
10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-กู่สันตรัตน์
ขอบคุณ ภาพจาก http://i-san.tourismthailand.org/
กู่สันตรัตน์ นั้นเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเก่าเเก่เเละน่ามาเที่ยวชมอีกเเห่งของจังหวัดมหาสารคาม โดยตั้งอยู่ที่ อำเภอนาดูน สร้างด้วยศิลาเเลงที่เป็นศิลปะในเเบบขอม โดยมีลักษณะโครงสร้างเเบบปราสาทหิน โดยมีองค์ปรางค์ประธานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเเละมีมุขด้านหน้ายื่นไปทางทิศตะวันออก โดยจะมีบรรณาลัยซึ่งใช้เป็นที่สำหรับเก็บคัมภีร์ทางศาสนาตั้งอยู่ทางทางทิศตะวันนออกเฉียงใต้ โดยที่อาคารทั้ง 2 หลังนั้นจะล้อมรอบด้วยกำเเพงศิลาเเลงที่ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ โดยมีการสัณนิฐานกันว่าที่นี่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้เป็นสถานที่สำหรับประกอบพีธีกรรมทางศาสนา พร้อมกับทำหน้าที่เป็นอโรคยาศาล สำหรับรักษาผู้ที่เจ็บป่วยอีกด้วย โดยมีจุดน่าสนใจอยู่ที่ประตูหลอก ที่อยู่ทางด้านทิศเหนือเเละใต้ รวมทั้งทิศตะวันออกของปราสาท ซึ่งไม่สามารถเข้าไปได้ เพราะประตูจริงๆ นั้นจะตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออก นับว่าเป็นสถานที่เที่ยวจังหวัดมหาสารคามที่มีความสวยงามเก่าเเก่เเละน่ามาเที่ยวชมอย่างมาก
10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น วัดมหาชัย
ขอบคุณ ภาพจาก http://i-san.tourismthailand.org/
พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น วัดมหาชัย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสวยงามเเละน่ามาเที่ยวชมอย่างมากอีกเเห่งของจังหวัดมหาสารคาม โดยตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมืองมหาสารคาม เป็นสถานที่เก็บรวบรวมวัตถุโบราณของภาอีสานจำนวนมากมายหลายรายการ โดยมีวัตถุโบราณที่มีความน่าสนใจทั้ง ใบเสมาหิน ที่เก็บได้ตามสถานที่ต่างๆ หรือจะเป็นพระพุทธรูปโบราณจำนวนมากมายที่สร้างมาจากไม้ หรือจะเป็นศิลาเเลง รวมทั้ง บานประตู ที่มีความสวยงาม เเละคันทวยเเกะสลักที่มีอายุมากกว่า 200 ปี จำนวนหลายชิ้นด้วยกัน เเถมยังเป็นเเหล่งเก็บรวบรวมวรรณคดีภาคอีสาน และพระธรรม รวมทั้งใบลาน จำนวนมากหมายหลายผูกด้วยกัน โดยมีการเเบ่งออกเป็นสองอาคารด้วยดัน โดยอาคารที่มีความเก่าเเก่นั้นเป็น อาคารศูนย์วัฒนธรรมท้องถิ่นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใช้เก็บรักษาวัตถุโบราณที่มีขนาดใหญ่ ทั้งเทวรูปโบราณ, พระพุทธรูปปางต่างๆ เเละใบเสมาหินทรายที่มีความเก่าแก่ รวมไปถึง ธรรมาสน์และกลอง ส่วนอีกอาคารนั้นจะเป็นที่เก็บเครื่องไม้ต่างๆ ที่มีความเก่าเเก่เเละงดงามน่าชมอย่างยิ่ง
10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-พระพุทธรูปยืนมงคล
ขอบคุณ ภาพจาก http://thai.tourismthailand.org/
พระพุทธรูปยืนมงคล นั้นเป็นพระพุทธรูปที่มีความสำคัญอย่างมากอีองค์ของจังหวัดมหาสารคาม โดยตั้งอยู่ที่อำเภอกันทรวิชัย โดยองค์พระพุทธรูปนั้นสร้างมาจากหินทรายแดง ในรูปเเบบของยุคทวารวดี เเละเป็นวัสดุเเบบเดียวกับที่สร้างพระพุทธรูปมิ่งเมือง ซึ่งเป็นพระพุทธรูปอีกองค์ที่มีความเก่าเเก่ของจังหวัดมหาสารคาม จนมีการคาดการณ์กันว่า พระพุทธรูปทั้งสององค์นั้นน่าจะสร้างมาในช่วงเวลาเดียวกัน โดยตามตำนานนั้นกล่าวถึงการสร้างพระพุทธรูปเอาไว้ว่า มีภัยเเล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนักจึงมีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาเพื่อขอฝน โดยผู้ชายนั้นสร้างพระพุทธรูปมิ่งเมืองขึ้นมา ในขณะที่ผู้หญิงช่วยกันสร้างพระพุทธรูปยืนมงคล พร้อมเเล้วเสร็จทั้งสององค์ก็จัดงานสมโภช จนฝนตกต้องตามฤดูกาลมาตั้งเเต่ตอนนั้น นี่เป็นหนึ่งในตำนานการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมา เเต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร สถานที่ท่องเที่ยวเเห่งนี้ก็นับว่าเป็นที่เที่ยวจังหวัดมหาสารคามที่น่ามาเที่ยวเป็นอย่างมาก
10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-พระพุทธรูปมิ่งเมือง
ขอบคุณ ภาพจาก http://thai.tourismthailand.org/
พระพุทธรูปมิ่งเมือง นั้นเป็นพระพุทธรูปที่สำคัญอีกองค์ของจังหวัดมหาสาสรคาม ตั้งอยู่ในวัดสุวรรณาวาส อำเภอกันทรวิชัย เเละเป็นสถานที่เที่ยวจังหวัดมหาสารคามที่ขึ้นชื่อเเละมีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก โดยจะมีชื่ออีกเรียกว่า พระพุทธรูปสุวรรณมาลี สร้างขึ้นตั้งเเต่สมัยทวาราวดี ด้วยหินทรายเเดง เเละชาวจังหวัดมหาสารคามมีความเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี่จะทำให้ในตกต้องตามฤดูกาล ตามตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า เกิดภัยเเล้งฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนอย่างหนักจึงมีการสร้างพระพุทธรูปขึ้นมาเพื่อขอฝน โดยผู้ชายนั้นสร้างพระพุทธรูปมิ่งเมืองขึ้นมา ในขณะที่ผู้หญิงช่วยกันสร้างพระพุทธรูปยืนมงคล พร้อมเเล้วเสร็จทั้งสององค์ก็จัดงานสมโภช จนฝนตกต้องตามฤดูกาลมาตั้งเเต่ตอนนั้น ถือว่าเป็นพระพุทธรูปอีกองค์ที่มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างมาก
ที่เที่ยวมหาสารคาม
ขอบคุณ ภาพจาก http://i-san.tourismthailand.org/
วนอุทยานโกสัมพี ถือว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงขึ้นชื่ออย่างมากของจังหวัดมหาสารคาม โดยมีเนื้อที่ประมาณ 125 ไร่ มีลักษณะเป็นสวนป่าที่มีต้นไม้หลากหลายพันธุ์ขึ้นอยู่อย่างหนาทึบ โดยมีทั้ง ต้นตะแบก หรือจะเป็นต้นยางขนาดใหญ่ เเละที่สร้างชื่อเสียงให้กับวนอุทยานเเห่งนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นลิงเเสมขนสีทอง จำนวนมากมาย ที่นับว่าเป็นลิงเเสมพันธุ์ที่หายากอย่างมาก เเละมีนิสัยไม่ดุร้าย โดยจะอาศัยอยู่ในอุทยานเเห่งนี้จำนวนมากมาย เเละเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานเเห่งนี้ไปเเล้ว โดยมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาว่าลิงจากโกสัมพี นั้นไม่ถูกกับลิงจากศาลพระกาฬในจังหวัดลพบุรี เเละมีการนั่งรถไฟมาตีกันอีกด้วย ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องเล่าขานมาจะเท็จจริงอย่างไรนั้นไม่มีใครทราบได้ นอกจากนี้เเล้วในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นหน้าเเล้วนั้น น้ำจะลดระดับลงจนตื้นเขินทำให้สามารมองเห็นหินดาน เเละต้อนข่อยกว่า 200 ต้น ที่มีการดัดเเปลงเป็นต้นไม้เเคระที่สวยงามเเละน่ามาชมอย่างยิ่ง โดยการเดินทางมายังที่เที่ยวเเห่งนี้นั้น คุณสามารถใช้เส้นทางมายังอำเภอโกสุมพิสัยจากอำเภอเมืองมหาสารคามได้เลย พอมาถึงตัวอำเภอเเล้วก็ให้ขับตรงมาอีก 600 เมตรจะพบกับถนน รพช สาย 508 ก็ให้เลี้ยวเข้ามา จะพบกับที่ทำการของวนอุทยานโกสัมพี รับรองว่าหาไม่ยากเลย
10 เเหล่งท่องเที่ยวดังของมหาสารคาม-ดูนลำพัน
ขอบคุณ ภาพจาก http://thai.tourismthailand.org/
ดูนลำพัน นั้นถือว่าเป็นสถานที่เที่ยวจังหวัดมหาสารคามอีกเเห่งที่มีความสวยงามเเละน่ามาเที่ยวชมอย่างยิ่ง โดยมันตั้งอยู่ที่อำเภอนาเชือก โดยเป็นป่าธรรมชาติที่มีความสวยงามปกคลุมเต็มบริเวณพื้นที่กว่า 900 ไร่ เเต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ ในปี พ.ศ.2536 ได้มีการค้นพบปูน้ำจืด หรือที่ชาวบ้านจะเรียกกันว่าปูป่า ที่มีสีสันสวยงามเเปลกตา เเละสุดท้ายพบว่าเป็นปูชนิดใหม่ของโลกที่ยังไม่เคยค้นพบมาก่อน จึงได้ของพระราชทานชื่อพันธุ์ จนได้ชื่อว่า ปูทูลกระหม่อม เเละทำให้ที่นี่ได้รับการอนุรักษ์เเละมีนักท่องเที่ยวเเละนักเรียนนักศึกษาเเวะเวียนมาชมความสวยงามของป่า เเละมาชมปูชนิดใหม่ที่พบในประเทศไทยเท่านั้นอย่าง ปูทูลกระหม่อม กันอย่างมากมาย
แนะนำโรงแรมในมหาสารคาม

5 สถานที่ท่องเที่ยวเมืองต้องห้ามพลาดบุรีรัมย์ เมืองปราสาทสองยุค

1. อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง
พนมรุ้ง
อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง หรือ ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นหนึ่งในปราสาทหินในกลุ่มราชมรรคา ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 2 (บ้านดอนหนองแหน) ตำบลตาเป๊ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร
2.สนามฟุตบอลไอ-โมบาย สเตเดียม
 i-mobile-3
สนามฟุตบอลไอ-โมบาย สเตเดียม มีขนาดกว้างใหญ่มากๆ สามารถจุได้ถึง 32,600 ที่นั่ง สนามแห่งนี้ยังมีการ ติดตั้งไฟส่องสว่างของฟิลิปส์อย่างมาตรฐาน ความสว่างของไฟอยู่ที่ 1,500 ลักซ์ โดยส่วนอัฒจรรย์ฝั่งกองเชียร์นั้นมีเก้าอี้ที่นั่งเชียร์เป็นสีน้ำเงินและสีขาว มองไปแล้วเหมือนสนามฟุตบอลต่างประเทศเลยทีเดียว
3. วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง
เขาะกระโดง-2
วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และศึกษาประวัติศาสตร์ ธรณีวิทยาและชีววิทยา เพราะเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟที่ยังคงปรากฏร่องรอยปากปล่องให้เห็นได้ชัดเจน มีโบราณสถานกู่เขากระโดง เป็นที่ประดิษฐานรองพระพุทธบาทจำลอง และมี ”พระสุภัทรบพิตร” พระพุทธรูปองค์ใหญ่คู่เมืองบุรีรัมย์ อยู่บนยอดเขา และยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าเต็งรัง เนื้อที่ประมาณ 6 พันไร่ รวมทั้งพันธุ์ไม้พื้นเมืองที่หาชมได้ยาก เช่น ผลของต้นโยนีปีศาจ ที่มักพบในบริเวณเขตภูเขาไฟ การขึ้นไปยังเขากระโดงสามารถทำได้สองวิธี คือ เดินขึ้นบันได หรือ ขับรถขึ้นไปถึงยอดเขา ระหว่างทางจะพบพระพุทธรูปปางต่าง ๆ เรียงรายอยู่เป็นระยะ

4.เขื่อนลำนางรอง
เขื่อนลำนางรอง-2
เขื่อนลำนางรองตั้งอยู่ที่ : ตำบล โนนดินแดง อำเภอโนนดินแดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นพื้นที่โครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงตามพระราชดำริ เขื่อนลำนางรองเป็นเขื่อนดิน มีถนนลาดยางบนสันเขื่อนสำหรับชมทัศนียภาพ ที่สันเขื่อนมีหินลอย (หินภูเขาไฟอีกชนิดหนึ่ง) เป็นก้อนและแผ่น สีสันแบ่งกันเป็นชั้นๆสวย งาม ซึ่งได้นำออกไปกองไว้กันน้ำเซาะสันเขื่อน และใกล้กับเขื่อนลำนางรองนี้มีเขื่อนคลองมะนาวซึ่งมีขนาด เล็กกว่า แต่ก็สวยงามสงบเงียบ ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวบุรีรัมย์อีกแห่งหนึ่งการเดินทาง : ใช้ถนนเข้าบ้านโนนดินแดง ห่างจากอนุสาวรีย์เราสู้ประมาณ 1 กม. ก่อนถึงอนุสาวรีย์จะพบทางแยกเข้าไปทางซ้าย เป็นลักษณะเขื่อนดิน

5.ปราสาทเมืองต่ำ
เมืองต่ำ-4
ปราสาทเมืองต่ำ ตั้งอยู่ที่ ตำบลจรเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ ห่างจากปราสาทพนมรุ้งมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ ๘กิโลเมตร ปราสาทเมืองต่ำ เป็นศาสนสถานที่สร้างตามคติความเชื่อทางศาสนาฮินดูสันนิษฐานว่าคงสร้างขึ้น เพื่อถวายพระศิวะ มีลักษณะเป็นศาสนสถานประจำเมืองหรือประจำชุมชนจากการศึกษาทางโบราณคดีพบว่า มีการตั้งถิ่นฐานของชุมชนโบราณในละแวกนี้เป็นชุมชนขนาดใหญ่หลายชุมชน เช่นชุมชนบ้านโคกเมือง โคกยายคาน โคกสลองตอง เป็นต้น โบราณวัตถุที่ขุดพบได้แก่ เครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันเช่น ภาชนะดินเผาเนื้อดินเครื่องถ้วยชามเคลือบสีน้ำตาลและเคลือบสีเขียว เป็นจำนวนมาก การเดินทาง : ใช้ถนนทางหลวงหมายเลข 2221 ตรงเข้าไปทางประโคนชัย และเข้าทางแยกเข้าปราสาทเมืองต่ำ

10 สุดยอดที่เที่ยวฮอต จังหวัดบึงกาฬ

1.  (อ. บุ่งคล้า) ผืนป่าใหญ่ของ จ. บึงกาฬ และเป็นป่าอนุรักษ์ที่สวยสมบูรณ์ที่สุดอีกแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ภายในพื้นที่มีน้ำตกสวยงามหลายแห่ง เช่น น้ำตกถ้ำฝุ่น น้ำตกเล็กๆ ที่เข้าถึงสะดวกที่สุด บริเวณน้ำตกมีเพิงถ้ำหลายแห่ง หรือน้ำตกชะแนน น้ำตกใหญ่ที่ไหลลัดเลาะมาตามลำห้วย แล้วตกมาเป็นน้ำตกสามชั้นอยู่ห่างกัน คือ ขัวพญานาค ชะแนน และบึงจระเข้ โดยมีน้ำตกชะแนนเป็นน้ำตกขนาดใหญ่สุด
2.น้ำตกเจ็ดสี (อ. บุ่งคล้า) น้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าภูวัว สายน้ำไหลตกจากหน้าผาหินทรายแล้วแผ่กว้างออกสวยงามตระการตา ด้านล่างมีแอ่งน้ำสำหรับเล่นน้ำและโขดหินให้นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ
3. น้ำตกตาดกินรี (อ. บึงโขงหลง) อยู่ในป่าภูลังกา เป็นน้ำตกใหญ่ไหลลงสู่หุบเหว น้ำตกชั้นบนไหลลดหลั่นกันไปตามลานหินกว้าง และมีแอ่งน้ำใสให้เราสามารถลงไปเล่นน้ำกันได้
4. บึงโขงหลง (อ. บึงโขงหลง) ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่อนุรักษ์พันธุ์นก โดยเฉพาะนกน้ำที่ย้ายถิ่นเข้ามาในช่วงฤดูหนาว ทั้งห่านป่า นกเป็ดน้ำ นกยาง นกกระเต็น มีจุดดูนกอยู่ดอนสวรรค์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง บริเวณบึงยังมีหาดคำสมบูรณ์ที่มีหาดทรายทอดยาวในช่วงฤดูหนาว เป็นแหล่งพักผ่อนและชมวิวทิวทัศน์ มองเห็นภูลังกาเป็นฉากหลัง
5. ภูทอก (อ.ศรีวิไล ) ภูเขาหินทราย ที่มีวัดเจติยาคีรีวิหาร ตั้งอยู่เชิงเขา และมีสะพานไม้สร้างวนเวียนขึ้นไปสู่ยอดเขารวม 7 ชั้น เพื่อเป็นทางเดินขึ้นไปยังกุฏิและถ้ำที่อยู่ตามหลืบผา และมองเห็นความสวยงามของภูมิประเทศเบื้องล่างได้ไกลสุดลูกหูลูกตา ถ้าในวันที่อากาศแจ่มใสอาจมองได้ไกลถึงเทือกเขาในเขตจังหวัดนครพนม
6.วัดสว่างอารมณ์ (อ. ปากคาด) ภายในวัดมีโบสถ์อยู่ยนก้อนหินใหญ่ หลืบถ้ำด้านล่างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปไสยาสน์ปางปรินิพพาน บริเวณด้านบนก้อนหินเป็นจุดชมวิวทิวทัศน์สวยงามของแม่น้ำโขง
7.หาดทรายขาว (อ. บึงกาฬ)เป็นหาดทรายขาวริมฝั่งแม่น้ำโขงที่สวยงามระยะทางยาวประมาณ 2 กม. เมื่อยามเช้าและเย็นอากาศดีลมพัดเย็นสบาย และความสวยงามเมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
8.แก่งอาฮง (อ.บึงกาฬ) เป็นแก่งหินกลางลำน้ำโขง บริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาส บ้านอาฮง ตำบลหอคำ ถือว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุดไม่สามารถวัดความลึกได้ กระแสน้ำบริเวณแก่งอาฮงจะไหลเชี่ยวมากในฤดูน้ำหลากและมีกระแสน้ำไหลวนเป็น รูปกรวยขนาดใหญ่ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็น "สะดือแม่น้ำโขง" แม่น้ำโขงบริเวณแก่งอาฮงมีความกว้างประมาณ300 เมตร ในฤดูน้ำลดและมีความกว้างราว 400 เมตร ในฤดูน้ำหลาก และจะสามารถมองเห็นแก่งได้ในช่วงเดือนมีนาคม - พฤษภาคมของทุกปี และกลุ่มหินที่ปรากฎบริเวณแก่งอาฮงจะมีชื่อเรียกตามลักษณะของหิน เช่น หินลิ้น นาค หินปลาเข้ ถ้ำปลาสวาย นอกจากจะเป็นแหล่งพักผ่อนและสถานที่ท่องเที่ยวของอำเภอบึงกาฬและเป็นสถานที่ เกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ คือ"บั้งไฟพญานาค" ในช่วงประเพณี ออกพรรษา จะมีนักท่องเที่ยวมาพักเที่ยวชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค บริเวณบ้านอาฮงเป็นจำนวนมาก จะมีมากในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ที่ปฏิทินไทย กับปฏิทินประเทศ สปป.ลาวตรงกัน และชาวบ้านโดยรอบยังอาศัยทำการประมงด้วย
9. หนองกุดทิง (อ.บึงกาฬ) แหล่งท่องเที่ยวและพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งหนองคายที่ยังความเป็นธรรมชาติไว้อย่างแท้จริง ด้วยมีพื้นที่เชื่อมต่อแม่น้ำโขง ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีความความหลากหลายทางชีวภาพจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญระดับโลก (พื้นที่แรมซาร์) แห่งที่ 11 ของประเทศไทย หนองกุดทิง มีพื้นที่ราว 22,000 ไร่ มีสัตว์น้ำอาศัยอยูมากกว่า 250 สายพันธุ์ มีปลาที่เป็นเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในโลกถึง 20 สายพันธ์ มีนกพันธุ์ต่างๆกว่า40 ชนิด เหมาะสำหรับการมาพักผ่อน ชื่นชมธรรมชาติในวันสบายๆ
10. ตลาดสองฝั่งโขง (อ.บึงกาฬ)  เป็นตลาดริมแม่น้ำโขง ที่มีพ่อค้าแม่ค้าทั้งคนไทย และคนลาวข้ามฟากมาเปิดขายสินค้าในท้องถิ่นกันอย่างคึกคัก ทั้งอาหารสด อาหารแห้ง เสื้อผ้า ของกินพื้นถิ่น เดินเล่นชิลล์ๆ ในบรรยากาศแบบพื้นบ้าน ติดตลาดเฉพาะวันอังคารกับวันศุกร์